หลังจากอิ๋งเจิ้งมาถึงวั่งชวนไม่นาน เขาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าศูนย์นวัตกรรมเชียนกง รับผิดชอบการสร้างตุ๊กตาดินเผาทหารและม้าศึก เขาทุ่มเททำงานและใช้เงินมหาศาลเพื่อสิ่งนี้ จนบ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยแบบแปลน แขกที่มาเยือนแทบไม่มีที่ยืน เมื่อหันไปดูห้องนอน พบว่าแม้แต่บนเตียงยังเต็มไปด้วยชิ้นส่วนตุ๊กตาดินเผาจำนวนมาก เขาไม่เพียงแต่สร้างตุ๊กตาดินเผามากมายยามมีชีวิต หลังจากสิ้นชีพแล้วก็ยังไม่หยุดทำเช่นกัน วีรชนในวั่งชวนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างไม่เข้าใจ แต่อิ๋งเจิ้งไม่สนใจพวกเขา และยังคงทำในสิ่งที่เขาอยากทำโดยไม่มีใครรบกวน

ซ่างกวนหว่านเอ๋อร์ในวัยเยาว์ไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เป็น “อัครมหาเสนาบดีหญิง” นางเคยเป็นทาสมาก่อน ชอบแอบอ่านตำราประวัติศาสตร์และอดไม่ได้ที่จะคิดว่า โชคชะตาคืออะไร? คือวีรบุรุษหรือ? มีไว้สำหรับวีรบุรุษใช่หรือไม่? --ที่ตนเป็นทาสก็คือชะตากรรมงั้นหรือ? นางอ่านหนังสือมากมาย แต่ไม่สามารถหาคำตอบได้ จนกระทั่งได้พบกับจักรพรรดินีอู่ผู้มองนางด้วยสายตาเรียบเฉย ด้วยอำนาจที่ทำให้ทั้งใต้หล้า ไม่เว้นแม้แต่องค์จักรพรรดิยังต้องยอมจำนน ซ่างกวนหว่านเอ๋อร์เข้าใจได้ในทันทีว่า โชคชะตามิได้ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ขึ้นอยู่กับเส้นทางที่เราได้เลือกเอง

หมอกฝนในพระราชวังซ่างหยางยังคงโปรยปราย แต่เรื่องราวของโฉมงามรุ่นหนึ่งกลับจบสิ้นลงแล้ว นางเคยเป็นสนมตำแหน่งไฉเหริน เคยบวชเป็นชีในวัดก่านเย่ เคยเป็นสนมตำแหน่งเจาอี๋ เคยเป็นฮองเฮา และแม้กระทั่งเป็นเทียนโฮ่ว ออกว่าราชการแผ่นดินและบัญชาขุนนาง แต่นั่นยังไม่พอ เทียนโฮ่วยังคงเป็นเพียงของประดับสำหรับบุรุษ มีเพียงกลายเป็นจักรพรรดิเองเท่านั้นถึงจะเป็นตนเองได้อย่างแท้จริง นางไม่อยากเป็นเพียงสนมในวังหลัง แต่ต้องการเป็นประมุขของใต้หล้า เป็นผู้อยู่สูงสุดในนครหลวงเสิ่นตู นางคือจักรพรรดินีพระองค์แรกซึ่งสืบทอดราชสมบัติถัดจากรัชศกเจินกวนอันรุ่งโรจน์

"องค์หญิงไท่ผิงตกอยู่ท่ามกลางกระแสความแปรปรวนของขั้วอำนาจในราชสำนัก เผชิญการแก่งแย่งชิงดีในท้องพระโรง ที่ต่างฝ่ายต่างดิ้นรนเชือดเฉือนกันด้วยเล่ห์เพทุบาย จนนางได้เป็น “องค์หญิงเจิ้นกั๋วไท่ผิง” ผู้ทรงอำนาจในราชสำนัก ห่างจากตำแหน่งที่มารดาเคยอยู่อีกเพียงก้าวเดียว ทว่าผู้ที่เคยจับมือนางเตะลูกหนังวิ่งเล่นในตำหนักใน ผู้ที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่ฝ่าฟันในเกมอุบายการเมือง ผู้ที่เคยให้คำมั่นสัญญากับนางว่าจะต่อสู้กับชะตาชีวิตที่ถูกกำหนดไว้ไปด้วยกัน กลับลับหายลาจากไปนานแล้ว ใต้หล้านี้ปราศจากผู้ที่รู้ว่านางต่อสู้เพื่อสิ่งใด และไม่มีแล้ว ผู้ที่จะเดินเคียงข้างนางมุ่งสู่เส้นทางเบื้องหน้าที่มืดมน "

ไม่รู้ว่าผ่านมากี่ปีแล้วตั้งแต่เซี่ยงอวี่พ่ายแพ้ในสมรภูมิไก่เซี่ยและปลิดชีพตนเองที่แม่น้ำอูเจียง ในช่วงเวลานี้ของทุกปีเซี่ยงอวี่จะนำสุราชั้นดีสองไหมาที่ริมแม่น้ำวั่งชวนเพื่อไว้อาลัยแด่ดวงวิญญาณผู้วายชนม์ในกองทัพเสมอ เมื่อผู้คนเอ่ยถึงฌ้อปาอ๋อง อาจนับถือในเกียรติยศและความกล้าหาญของเขา หรือทอดถอนใจในความการุณย์ เที่ยงธรรม และรักพวกพ้องของเขา ที่กลับกลายเป็นจุดจบของวีรชนผู้นี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่าตัวเขาที่หลุดพ้นจากวัฏสงสารตอนนี้กำลังแบกสิ่งใดไว้ ตลอดหลายคืนวันที่แม่น้ำวั่งชวน เซี่ยงอวี่มักยังได้ยินเสียงเพลงฉู่แว่วมาในหูเป็นครั้งคราว บางทีนั่นอาจเป็นเสียงคร่ำครวญของทหารยามข้ามผ่านแม่น้ำวั่งชวน